สวัสดีครับ
วันนี้เราก็กลับมาพบกันอีกครั้งกับเรื่องราวสาระดีๆในเรื่องของมวยไทยนั่นเอง
ซึ่งมวยไทยเป็นศิลปะการต่อสู้ที่เป็นเอกลักษณ์ อยู่คู่ชาติไทยมาเป็นเวลานาน ซึ่งวันนี้เราจะมาพูดกันถึง
ประวัติความเป็นมาของมวยไทย จะเป็นยังไงกันบ้างเราไปดูกันเลยครับ
![]() มวยไทยเริ่มขึ้นในสมัยไม่ปรากฏ และไม่มีหนังสือเล่มใดเขียนไว้ว่าจะเกิดขึ้นในสมัยใด แต่เท่าที่ได้ปรากฏนั้นมวยไทยได้เกิดขึ้นมานานแล้วและอาจเกิดขึ้นมาพร้อมๆกับชาติไทย เพราะมวยไทยนั้นเป็นศิลปประจำชาติไทยเราจริงๆยากที่ชาติอื่นจะลอกเลียนแบบได้หลายคนกล่าวว่า มวยไทย มีความคล้ายศิลปะการต่อสู้ของหลายประเทศ ในเขตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ลาว และเขมร ก็มีมวยทำนองเดียวกัน ส่วนในพม่ามีมายที่เรียกว่า บานโดะ ส่วนในเวียดนามมีศิลปะการต่อสู้ ด้วยมือเปล่าที่เรียกว่า เวียด หวู ด๋าว ซึ่งค่อนข้างคล้ายไปทางคาราเต้ ![]() มวยไทยในสมัยก่อนเท่าที่ทราบจะมีการฝึกฝนอยู่ในบรรดาหมู่ทหาร เพราะในสมัยก่อนไทยเราได้มี การรบพุ่งและสู้รบกันกับประเทศเพื่อนบ้านบ่อยครั้ง การสู้รบในสมัยนั้นยังไม่มีปืนจะสู้กันแต่ดาบสองมือ และมือเดียว เมื่อเป็นเช่นนี้การรบพุ่งก็มีการรบประชิดตัว คนไทยเห็นว่าในสมัยนั้นการรบด้วยดาบเป็นการรบ พุ่งที่ประชิดตัวมากเกินไปบางครั้งคู่ต่อสู้อาจเข้ามาฟันเราได้ง่าย คนไทยจึงได้ฝึกหัดการถีบและเตะคู่ต่อสู้ เอาไว้เพื่อคู่ต่อสู้จะได้เสียหลักแล้วเราจะได้เลือกฟันง่ายขึ้นทำให้คู่ต่อสู้แพ้ได้ ต่อมาเมื่อในหมู่ทหารได้มีการฝึกถีบเตะแล้วก็เกิดมีผู้คิดว่าทำอย่างไรจึงจะใช้การถีบเตะนั้น มาเป็นศิลปสำหรับการต่อสู้ด้วยมือได้ จึงต้องให้มีผู้ที่จะคิดจะฝึกหัดการต่อสู้ป้องกันตัวสำหรับการใช้ แสดงเวลามีงานเทศกาลต่างๆไว้อวดชาวบ้านและเป็นของแปลกสำหรับชาวบ้าน เมื่อเป็นเช่นนี้นานเข้า ชาวบ้านหรือคนไทยได้เห็นการถีบเตะแพร่หลายและบ่อยครั้งเข้า จึงทำให้ชาวบ้านมีการฝึกหัดมวยไทย กันมากจนถึงกับตั้งเป็นสำนักฝึกกันมากมาย แต่สำหรับที่ฝึกมวยไทยนั้นก็ต้องเป็นสำนักดาบที่มีชื่อดีมา ก่อนและมีอาจารย์ดีไว้ฝึกสอน ดังนั้นมวยไทยในสมัยนั้นจึงฝึกเพื่อความหมาย ๒ อย่างคือ ๑. เพื่อไว้สำหรับสู้รบกับข้าศึก ๒. เพื่อไว้ต่อสู้ป้องกันตัว ในสมัยนั้นใครมีเพลงดาบดีและเก่งกาจทางรบพุ่งนั้นจะต้องเก่งทางมวยไทยด้วย เพราะเวลารบพุ่งนั้นต้องอาศัยมวยไทยเข้าช่วย ดังนั้นวิชามวยไทยในสมัยนั้นจึงมุ่งหมายที่ จะฝึกฝนเพลงดาบและวิชามวยไทยไปพร้อมๆกันเพื่อที่จะรับใช้ประเทศชาติด้วยการเป็นทหารได้ เป็นอย่างดีแต่เมื่อพ้นจากหน้าสงครามก็จะมีการชกมวยกันเพื่อความสนุกสนาน และมีการพนันขันต่อกัน ระหว่างนักมวยที่เก่งจากหมู่บ้านหนึ่งกับนักมวยที่เก่งจากอีกหมู่บ้านหนึ่งมาชกกันในหน้าที่มีงานเทศกาล หรือเกิดมีการท้าทายกันขึ้นและมีการพนันขันต่อ มวยในสมัยนั้นชกกันด้วยหมัดเปล่าๆยังไม่มีการคาดเชือก เช่น สมัยอยุธยาตอนต้น ในสมัยนั้นคนไทยที่ทำชื่อเสียงให้กับประเทศในวิชามวยไทยมากที่สุดคือ นายขนมต้ม ซึ่งได้ใช้วิชามวยไทยต่อสู้พม่าถึง ๑๐ คนและพม่าก็ได้แพ้นายขนมต้มหมดทุกคน จนถึงกับกษัตริย์พม่าพูดว่า "คนไทยถึงแม้ว่าจะไม่มีดาบ แม้แต่มือเปล่าก็ยังมีพิษสงรอบตัว" ![]() นายขนมต้มจึงเปรียบเสมือนผู้เป็นบิดาของวิชามวยไทยเพราะทำให้คนไทยมีชื่อเสียงเกี่ยวกับวิชามวยไทยเป็นอันมากในสมัยนั้น และชื่อเสียงก็ได้เลื่องลือมาจนถึงกับปัจจุบันนี้ ในสมัยต่อมามวยไทยก็ยังฝึกฝนคู่กับการฝึกเพลงดาบอยู่และยังฝึกและใช้เพื่อการทำสงครามและฝึกฝน เพื่อการต่อสู้ป้องกันตัว บางทีก็ฝึกเพื่อชกในงานเทศกาลต่างๆ ในสมัยอยุธยาตอนปลายพระมหากษัตริย์ ของไทยบางพระองค์มีฝีมือในทางมวยไทยอยู่มาก เช่น พระเจ้าเสือหรือขุนหลวงสรศักดิ์ ซึ่งได้หนีออกจากพระราชวังไปชกมวยกับชาวบ้านและชกชนะด้วย ต่อมาประชาชนทราบและเห็นว่า พระองค์ก็เป็นผู้มีฝีมือในวิชามวยไทยอยู่ในขั้นดีเยี่ยม ในสมัยต่อมา ผู้ที่มีฝีมือในทางมวยไทยก็มีมาก เช่น พระเจ้าตากสินวิชามวยไทยได้ยั่งยืนมาจนถึงสมัยปัจจุบัน และในสมัยอยุธยาตอนปลายนี้ มวยไทยได้ชกกันด้วยการคาดเชือกคือใช้เชือกเป็นผ้าพันมือ บางครั้งการชกก็อาจถึงตายเพราะเชือก ที่คาดมือนั้นบางครั้งก็ใช้น้ำมันชุบเศษแก้วละเอียดชกถูกตรงไหนก็เป็นแผลตรงนั้น จะเห็นได้ว่ามวยไทย ในสมัยนั้นมีอันตรายเป็นอันมาก ต่อมาในปลายสมัยกรุงศรีอยุธยามวยไทยก็มีการฝึกตามสำนักฝึกต่างๆและมีการฝึกกันอย่างกว้างขวาง จนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ก็มีเวทีมวยที่จัดให้มีการแข่งขันกันอย่างสนุกสนาน เช่น เวทีสวนเจ้าเชษฐและเวทีสวนกุหลาบ ซึ่งการชกมวยในสมัยนี้ก็ยังมีการคาดเชือกกันอยู่ จนตอนหลังนวมได้เข้ามาแพร่หลายในประเทศไทย การชกกันในสมัยหลังๆจึงได้สวมนวมชก แต่การชกกันก็ยังเหมือนเดิมคือยังใช้การ ถีบ ชก ศอกและเข่า ดังที่เห็นอยู่ในปัจจุบันนี้ เป็นยังไงกันบ้างครับสำหรับเรีื่องราวที่เรานำมาในวันนี้ ครั้งหน้าเราจะนำเรื่องอะไรมาเสนออย่าลืมติดตามกันด้วยนะครับติดตามเราได้ที่ www.sjgadget.com
ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก http://www.thenpoor.ws/thaiboxing/
|
วันอาทิตย์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560
ประวัติความเป็นมาของมวยไทย
วันอังคารที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2560
เรื่องที่ควรรู้ วิธีพันข้อมือนักมวยที่ถูกต้อง พันอย่างไรไม่ให้เจ็บมือ
วันนี้เราขอเสนอเทคนิคการพันผ้าพันมือที่ถูกวิธีให้กับทุกคนได้ทราบ เรื่องง่ายๆที่เราควรรู้นะครับ
เรียกได้ว่ากีฬาชกมวยกับคนไทย ถือเป็นสิ่งที่อยู่คู่กันมาอย่างยาวนาน จนปัจจุบันกลายเป็นกีฬาที่ใครหลายคนเลือกฝึกเพื่อเสริมความแข็งแรงให้ตัวเอง ใช้ป้องกันตัว รวมถึงลดน้ำหนักด้วย แต่ก่อนที่จะชกมวยนั้น การเตรียมตัวให้พร้อมถือเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งรวมไปถึงการพันข้อมือก่อนใส่นวมด้วย ว่าแล้วจึงหยิบวิธีพันข้อมือที่ถูกต้องมาแนะนำกันครับ
1. ทำไมนักมวยต้องพันข้อมือ ?
เหตุผลที่นักมวยทั้งมือใหม่และมืออาชีพต้องพันข้อมือนั้น ก็เพื่อป้องกันอาการบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้นกับจากการชกมวย ซึ่งถือว่ามือเป็นอวัยวะที่สำคัญสุด ๆ ของกีฬาประเภทนี้ ที่อาศัยการชกเป็นหลักนั่นเอง โดยการพันมือจะช่วยป้องกันทั้งข้อต่อและกระดูกชิ้นเล็กชิ้นน้อย ซึ่งเป็นจุดที่แตกหักได้ง่าย หากมีการชกซ้ำไปซ้ำมา รวมถึงซัพพอร์ตข้อมือ นิ้ว และสันหมัดด้วย
2. ประเภทของผ้าพันข้อมือ
ผ้าพันข้อมือแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้
2.1 ผ้าพันมือแบบคอตตอน เป็นผ้าพันมือที่นิยมใช้ในการฝึกซ้อม มีความยืดหยุ่นสูง มาพร้อมกับตีนตุ๊กแก ช่วยให้ไม่หลุดง่าย
2.2 ผ้าพันมือแบบเม็กซิกัน ผ้าประเภทนี้จะดูคล้ายกับแบบแรก แต่มีความแตกต่างกันตรงวัสดุที่ใช้ในการผลิต ซึ่งผ้าพันมือแบบเม็กซิกันจะใช้ผ้าทอผสมกับเส้นใยอีลาสติก ที่ให้ความยืดหยุ่นพอสมควร แต่น้อยกว่าแบบแรก
2.3 ผ้าก๊อซ หรือ ผ้าพันแผลที่หลายคนรู้จักกันดี เป็นผ้าที่มักใช้พันข้อมือร่วมกับเทปกาว เพื่อลงแข่งขันชกมวยแบบจริงจังมากกว่าการฝึกซ้อม ทั้งยังเป็นแบบใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้งด้วย
เรียกได้ว่ากีฬาชกมวยกับคนไทย ถือเป็นสิ่งที่อยู่คู่กันมาอย่างยาวนาน จนปัจจุบันกลายเป็นกีฬาที่ใครหลายคนเลือกฝึกเพื่อเสริมความแข็งแรงให้ตัวเอง ใช้ป้องกันตัว รวมถึงลดน้ำหนักด้วย แต่ก่อนที่จะชกมวยนั้น การเตรียมตัวให้พร้อมถือเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งรวมไปถึงการพันข้อมือก่อนใส่นวมด้วย ว่าแล้วจึงหยิบวิธีพันข้อมือที่ถูกต้องมาแนะนำกันครับ
1. ทำไมนักมวยต้องพันข้อมือ ?
เหตุผลที่นักมวยทั้งมือใหม่และมืออาชีพต้องพันข้อมือนั้น ก็เพื่อป้องกันอาการบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้นกับจากการชกมวย ซึ่งถือว่ามือเป็นอวัยวะที่สำคัญสุด ๆ ของกีฬาประเภทนี้ ที่อาศัยการชกเป็นหลักนั่นเอง โดยการพันมือจะช่วยป้องกันทั้งข้อต่อและกระดูกชิ้นเล็กชิ้นน้อย ซึ่งเป็นจุดที่แตกหักได้ง่าย หากมีการชกซ้ำไปซ้ำมา รวมถึงซัพพอร์ตข้อมือ นิ้ว และสันหมัดด้วย
2. ประเภทของผ้าพันข้อมือ
ผ้าพันข้อมือแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้

2.1 ผ้าพันมือแบบคอตตอน เป็นผ้าพันมือที่นิยมใช้ในการฝึกซ้อม มีความยืดหยุ่นสูง มาพร้อมกับตีนตุ๊กแก ช่วยให้ไม่หลุดง่าย

2.2 ผ้าพันมือแบบเม็กซิกัน ผ้าประเภทนี้จะดูคล้ายกับแบบแรก แต่มีความแตกต่างกันตรงวัสดุที่ใช้ในการผลิต ซึ่งผ้าพันมือแบบเม็กซิกันจะใช้ผ้าทอผสมกับเส้นใยอีลาสติก ที่ให้ความยืดหยุ่นพอสมควร แต่น้อยกว่าแบบแรก

วิธีพันข้อมือนักมวยที่ถูกต้อง
1. เลือกใช้ผ้าพันมือแบบมีห่วงสำหรับสอดนิ้วโป้งและมีตีนตุ๊กแก ซึ่งจะช่วยให้พันข้อมือได้สะดวกยิ่งขึ้น
2. เริ่มจากนำนิ้วโป้งสอดเข้าไปในห่วงของผ้าพันมือให้เรียบร้อย
3. จากนั้นให้พันวนรอบด้านหลังมือ พร้อมดึงผ้าให้ตึง
4. ต่อมาให้พันบริเวณข้อมือสัก 3-4 รอบ ขึ้นอยู่กับความยาวของผ้าพันมือที่เลือกใช้ เพราะยิ่งยาวก็ยิ่งพันได้หลายรอบ ซึ่งช่วยซัพพอร์ตข้อมือได้ดีกว่า
5. แล้วให้ขยับขึ้นมาพันรอบฝ่ามือสัก 3-4 รอบเช่นกัน ซึ่งในการพันแต่ละรอบ ควรดึงผ้าให้ตึงอยู่เสมอ
6. จากนั้นให้พันผ้าเป็นรูปตัว X โดยพันไขว้ขึ้นเข้าไปในช่องระหว่างนิ้วก้อยและนิ้วนาง แล้วพันกลับขึ้นมาทางช่องระหว่างนิ้วชี้และนิ้วโป้ง
7. พันเป็นรูปตัว X เข้าไปในช่องระหว่างนิ้วที่เหลือ ซึ่งก็คือระหว่างนิ้วนางและนิ้วกลาง กับระหว่างนิ้วกลางและนิ้วชี้
8. ดึงผ้าให้ตึง แล้วพันผ้ารอบนิ้วโป้ง 1 รอบ
9. ต่อมาให้พลิกฝ่ามือขึ้นเพื่อพันผ้าสำหรับล็อกนิ้วโป้ง โดยการพันที่ข้อมือและนิ้วโป้งตามภาพ
10. จากนั้นก็พันผ้ารอบฝ่ามืออีก 3-4 รอบ พันให้แน่นเข้าไว้ ส่วนผ้าที่เหลือให้ใช้พันข้อมือสลับกับฝ่ามือจนสุด แล้วปิดทับด้วยตีนตุ๊กแก ก็เป็นอันว่าเสร็จ
หลังจากพันข้อมือเสร็จเรียบร้อยแล้ว

1. เลือกใช้ผ้าพันมือแบบมีห่วงสำหรับสอดนิ้วโป้งและมีตีนตุ๊กแก ซึ่งจะช่วยให้พันข้อมือได้สะดวกยิ่งขึ้น

2. เริ่มจากนำนิ้วโป้งสอดเข้าไปในห่วงของผ้าพันมือให้เรียบร้อย

3. จากนั้นให้พันวนรอบด้านหลังมือ พร้อมดึงผ้าให้ตึง

4. ต่อมาให้พันบริเวณข้อมือสัก 3-4 รอบ ขึ้นอยู่กับความยาวของผ้าพันมือที่เลือกใช้ เพราะยิ่งยาวก็ยิ่งพันได้หลายรอบ ซึ่งช่วยซัพพอร์ตข้อมือได้ดีกว่า

5. แล้วให้ขยับขึ้นมาพันรอบฝ่ามือสัก 3-4 รอบเช่นกัน ซึ่งในการพันแต่ละรอบ ควรดึงผ้าให้ตึงอยู่เสมอ

6. จากนั้นให้พันผ้าเป็นรูปตัว X โดยพันไขว้ขึ้นเข้าไปในช่องระหว่างนิ้วก้อยและนิ้วนาง แล้วพันกลับขึ้นมาทางช่องระหว่างนิ้วชี้และนิ้วโป้ง

7. พันเป็นรูปตัว X เข้าไปในช่องระหว่างนิ้วที่เหลือ ซึ่งก็คือระหว่างนิ้วนางและนิ้วกลาง กับระหว่างนิ้วกลางและนิ้วชี้

8. ดึงผ้าให้ตึง แล้วพันผ้ารอบนิ้วโป้ง 1 รอบ

9. ต่อมาให้พลิกฝ่ามือขึ้นเพื่อพันผ้าสำหรับล็อกนิ้วโป้ง โดยการพันที่ข้อมือและนิ้วโป้งตามภาพ

10. จากนั้นก็พันผ้ารอบฝ่ามืออีก 3-4 รอบ พันให้แน่นเข้าไว้ ส่วนผ้าที่เหลือให้ใช้พันข้อมือสลับกับฝ่ามือจนสุด แล้วปิดทับด้วยตีนตุ๊กแก ก็เป็นอันว่าเสร็จ
หลังจากพันข้อมือเสร็จเรียบร้อยแล้ว

เป็นยังไงกันบ้างครับสำหรับการพันมือ ไม่ยากเลยใช่ไหมครับ ลองไปทำกันดูนะครับ เพื่อความปลอดภัยของมืออันเป็นที่รักของกีฬาชกมวย
หากชอบบทความนี้อย่าลืมกดไลค์ กดแชร์ให้เราด้วยนะครับ
ติดตามเราได้ที่ www.sjgadget.com
วันอาทิตย์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2559
ฟันยางนักกีฬา
สวัสดีครับ วันนี้เรามาพบกันอีกครั้ง โดยในวันนี้เราขอนำเสนออุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้เลยในการเล่นกีฬาหรือทำกิจกรรมที่อาจเสี่ยงกับการโดนปะทะได้ นั่นก็คือ ฟันยาง นั่นเอง โดยฟันยางนั้นมีหลายประเภทไม่ว่าจะเป็น ฟันยางสำหรับแก้อาการนอนกรน หรือ ฟันยางสำหรับนักกีฬานั่นเอง วันนี้เราขอนำเสนอเรื่อง ฟันยางสำหรับนักกีฬาครับ จะเป็นยังไงกันบ้าง ไปชมกันเล้ยยยยย .....
ฟันยางสำหรับนักกีฬา
ฟันยางสำหรับนักกีฬา คือแผ่นยางหนา (ประมาณ 4 มิลลิเมตร) ที่ขึ้นรูปให้สวมที่ฟันบนจากตำแหน่งฟันหน้าไปฟันหลัง หรือแผ่นยางหนาที่ขึ้นรูปให้สวมครอบฟันบนและฟันล่างพร้อมกัน จากตำแหน่งฟันหน้าไปฟันหลัง
ฟันยางสำหรับนักกีฬา มีทั้งชนิดที่หาซื้อได้เองในร้านขายอุปกรณ์การกีฬา (ข้อเสียของฟันยางสำหรับนักกีฬาชนิดนี้ คือฟันยางมักจะไม่แนบกับฟัน และมีขนาดให้เลือกไม่มากนัก กันกระแทกได้ไม่ค่อยดี) ฟันยาง สำหรับนักกีฬาอีกชนิด เป็นฟันยางที่ทันตแพทย์ทำเฉพาะให้กับบุคคลนั้นๆ โดยทันตแพทย์จะพิมพ์ฟันบนและล่าง พร้อมทั้งนำไปประกบคู่การสบฟันและทำแผ่นยางที่แนบสนิทกับฟันของบุคคลนั้นๆ ทั้งนี้ ใช้เวลาในการทำแผ่นยางไม่นานและชิ้นงานชนิดนี้ ให้ประสิทธิภาพในการป้องกันอันตรายจากการกระแทกได้อย่างดีเยี่ยม
ฟันยาง สำหรับนักกีฬาจะคลุมฟันทางด้านหน้าและด้านหลัง แผ่นยางด้านหน้าจะลดแรงกระแทกจากแรงที่มากระทำทางฟันหน้า (เช่น หัว ข้อศอก เท้า หรือมือ กระแทกเข้าโดยตรงที่ปาก) แผ่นยางด้านหลังจะลดแรงกระแทกจากแรงที่มากระทำจากขากรรไกรล่าง (เช่น หัว ข้อศอก เท้า หรือมือ กระแทกเข้าที่ปลายคาง) แผ่นยางหนา 4 มิลลิเมตรนี้จะกันการกระแทกของฟัน และจะผ่อนลดแรงที่มากระทำลงในระดับหนึ่งที่ยาง ทำให้แรงกระทำเหลือน้อยลง ไม่เหลือแรงไปกระทำต่อข้อต่อขากรรไกร ฐานสมอง หรือสมองโดยตรง สามารถลดความรุนแรงจากอุบัติเหตุได้อย่างดีเยี่ยม
อุบัติเหตุต่อฟันอาจทำให้ฟันหักได้ และพบเสมอๆ ว่าเศษฟันอาจจะฝังเข้าสู่เนื้อเยื่ออ่อนในช่องปาก หรือริมฝีปากได้ ทำให้เกิดความซับซ้อนในการรักษาเพิ่มขึ้น ฟันยางนั้นจะป้องกันอันตรายต่อฟัน และถึงแม้เกิดอันตรายต่อฟัน ฟันยางก็จะช่วยไม่ให้เศษฟัน หลุดฝังในเนื้อเยื่ออ่อนได้ ประโยชน์ของฟันยางจึงมีมากมาย นักกีฬาจึงไม่ควรประมาทโดยการไม่ใช้ฟันยาง เมื่อเล่นกีฬาดังกล่าวข้างต้น
ฟันยางที่ใช้ ควรใช้ฟันยางเฉพาะบุคคล และไม่ใช้ฟันยางของคนอื่น เพราะนอกจากจะไม่สะอาดแล้ว ยังอาจส่งผลเสียมากกว่าผลดีเมื่อเกิดอุบัติเหตุ เพราะฟันแต่ละคนนั้นต่างกัน ฟันยางจะใช้ร่วมกันไม่ได้นะครับ
เป็นยังไงกันบ้างครับสำหรับเรื่องฟันยางในวันนี้ หวังว่าเพื่อนๆจะได้รับประโยชน์จากเรื่องนี้เพื่มขึ้นนะครับ
ครั้งหน้าเราจะนำเรื่องอะไรมานำเสนอ อย่าลืมคอยติดตามชมกันนะครับ วันนี้ขอลาไปก่อน สวัสดีครับ
"อย่าลืมกดไลค์กดแชร์เพื่อเป็นกำลังใจให้กันด้วยนะครับ"
วันอังคารที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2559
กระสอบทรายชกมวยนั้นจริงๆแล้วใส่อะไรกันบ้าง
สวัสดีครับ วันนี้เรามาพบกันอีกครั้งเกี่ยวกับเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับมวยไทย วันนี้เรามาพูดกันในเรื่องของกระสอบชกมวย ว่าใส่อะไรกันบ้าง เพราะหลายๆคนยังเข้าใจผิดกันอยู่ว่ากระสอบทราย ชื่อมันก็บอกอยู่ว่ากระสอบทราย ก็ต้องใส่ทรายเข้าไปสิ แต่จริงๆแล้วมันไม่ใช่เลยนะครับ เรามาดูกันเลยว่าจริงๆแล้วใส่อะไรกันบ้าง มาดูไปพร้อมๆกันเลย
กระสอบทราย หรือ Sand Bag หรือ Forging Bag ถือว่าเป็นอุปกรณ์การซ้อมมวยที่สำคัญอย่างหนึ่ง วัสดุภายนอกทำด้วยผ้าใบหรือหนัง หรือทั้งผ้าใบและหนังรวมกัน ถ้านำเข้าจากต่างประเทศจะเป็นกระสอบทรายที่ภายในบรรจุพลาสติกสังเคราะห์ เพื่อป้องกันเจ็บจากการเตะและต่อย
รศ ระดม ณ บางช้าง อาจารย์ประจำคณะพลศึกษา มหาวิทยาลัยศรีนคริทรวิโรฒ และกรรมการห้ามมวยระดับประเทศ อธิบายว่า ในอดีตกระสอบทรายที่นักมวยใช้ฝึกซ้อมมวยนั้น ใช้ทรายจริงๆ ใส่เข้าไปในกระสอบ เพราะคนโบราณแข็งแรงในการฝึกฝนมาก แต่ต่อมามีการนำเอาวัสดุอื่นๆ เข้าประกอบเพื่อความนุ่มนวล อย่างไรก็ตามก็มีข้อดีข้อเสียด้วยกันทั้งนั้น
ถ้าเป็นทรายผสมขี้เลื่อย
ข้อดี คือ มีความนุ่มนวลขึ้นในการแตะและต่อย
ข้อเสีย คือ ใช้ไปไม่นานขี้เลื่อยจะขึ้นไปอยู่ด้านบนก็ต้องเอาลงมาปรับแต่งกันใหม่และบ่อยครั้งเกินไป
ถ้าเป็นวัสดุอย่างแกลบกับขี้เลื่อย หรือเศษหนังเล็กๆ กับขี้เลื่อย
ข้อดี คือ นุ่มนวล
ข้อเสีย คือ น้ำหนักในการแตะต่อยจะไม่มี แรงสะท้อนกลับของวัสดุจะไม่มี ความสม่ำเสมอของวัสดุภายในก็ไม่มี บางด้านนิ่มบางด้านแข็ง เป็นอันตรายแก่ผู้ฝึกซ้อมได้เพราะผู้ฝึกซ้อมจะไม่อาจทราบได้ว่าฝั่งไหนของกระสอบนิ่มหรือแข็ง ขณะที่แรงแตะหรือต่อยออกไปคงที่ ทำให้มือหรือเท้าซ้นได้เป็นอันตราย ดีไม่ดีชกจริงไม่ได้กัน การใส่ขี้เลื่อยอย่างเดียวเป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับประเทศไทย แต่ข้อเสียอาจจะต้องไปซื้อมาใส่เพราะปัจจุบันขี้เลื่อยมีราคาหายากกว่าในอดีต โดยต้องเป็นขี้เลื่อยชนิดละเอียด เพราะถ้าใส่ชนิดหยาบเศษขี้เลื่อยอาจจะแทงทะลุกระสอบออกมาบาดเอาได้ ข้อเสียของคือขี้เลื่อยเมื่อใช้ไปนานๆ ก็จะแข็งเหมือนปัญหาที่ ยอด ตงเซียม พบเจอ คือจะอัดตัวแน่นแข็งเกินไป
วิธีการแก้ไข ต้องเตรียมขี้เลื่อยให้มาเพื่อไว้สลับสำรอง เพราะต้องเอาของเก่าที่แข็งออกมาตากแดดให้แห้ง โดยเกลี่ยให้โดนแดดทั่วกัน ขี้เลื่อยก็จะฟูขึ้นมาดังเดิมและนำมาใช้ใหม่ได้ ระหว่างของเก่าตากแดดก็นำขี้เลื่อยสำรองมาใช้ จะได้ฝึกซ้อมทุกวัน ประโยชน์ของขี้เลื่อยนอกจากใช้ใส่ในกระทรายทรายแล้ว ในอดีตเขายังนำเอาไปทำเป็นเวทีสังเวียนแข่งขันมวยไทยด้วย ใช้รองพื้นเวทีซึ่งเวทีต้องสูงจากพื้นอาคารหรือพื้นดินไม่ต่ำกว่า 4 ฟุต และไม่เกิน 5 ฟุต พื้นเวทีต้องปูด้วยผ้าอย่างอ่อน เสื่อ หรือฟาง แกลบ ขี้เลื่อย ไม้ก๊อกอัด ฯลฯ หนาอย่างน้อย 190 ซม. 34 นิ้ว ไม่หนากว่า 5 ซม 2 นิ้ว และปูด้วยผ้าใบทับข้างบนอีกชั้นหนึ่ง ขึงให้ตึง
และยังมีวัสดุอื่นๆที่หาได้ง่ายเช่น เศษผ้า ถ้าเรานำเศษผ้ามายัดใส่กระสอบทรายให้แน่นๆและเต็มกระสอบทรายก็ใช้ได้เช่นกัน มีความนุ่มไม่แข็งจนเกินไป ช่วยลดอาการบาดเจ็บจากการชกมวย
เป็นยังไงกันบ้างครับสำหรับเรื่องน่ารู้ในวันนี้ คราวหน้าจะมีเรื่องอะไรมาฝากกันอย่าลืมติดตามชมกันด้วยนะครับ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)